ทำความเข้าใจ เว็บไซต์มีกี่ประเภท ? รูปแบบของแต่ละประเภทเป็นอย่างไร

การที่เราจะสร้างเว็บไซต์ขึ้นมาสัก 1 เว็บไซต์ คำถามแรกที่มักจะแว่บเข้ามาในหัวเลยก็คือ “คุณจะสร้างเว็บไซต์เกี่ยวกับอะไร” หรือ “เว็บไซต์ของคุณ เป็นเว็บไซต์ประเภทไหน” ในปัจจุบัน เว็บไซต์มีด้วยกันหลากหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทก็จะมีความแตกต่างและรูปแบบที่ไม่เหมือนกัน ถ้าอยากรู้ว่า ธุรกิจของคุณเหมาะกับเว็บไซต์แบบไหน วันนี้ เราจะมาแนะนำให้รู้จักเว็บไซต์แต่ละประเภทกันค่ะ

8 ประเภทของเว็บไซต์

1. Corporate Website หรือ Business Website

เว็บไซต์สำหรับองค์กร ธุรกิจ ที่เอาไว้เพื่อบอกข้อมูลหรือโปรโมทธุรกิจต่างๆ โดยจะนำเสนอข้อมูลต่างๆ ที่ผู้ใช้งานเข้ามาแล้ว จะได้ข้อมูลที่ต้องการกลับไป โดยส่วนใหญ่เว็บไซต์ประเภทนี้ จะมีข้อมูลในทุกๆ อย่างของธุรกิจ ทั้ง

• ประวัติความเป็นมาของธุรกิจ
• พันธกิจและวิสัยทัศน์
• โครงสร้างธุรกิจ
• ทีมงาน
• บริการของธุรกิจ
• สินค้าที่มีให้บริการ
• บทความให้ความรู้
• ช่องทางการติดต่อ

2. E-commerce Website

เว็บไซต์ที่มีจุดประสงค์เพื่อซื้อ-ขายสินค้าโดยตรง ทำขึ้นมาเพื่อให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าโดยตรงกับธุรกิจ ผ่านทางเว็บไซต์ได้ บนเว็บไซต์จะมีระบบซื้อ-ขายแบบเต็มรูปแบบ ลูกค้าจะเห็นตั้งแต่ ชื่อสินค้า, รูปสินค้า, ประเภทสินค้า, ราคา, สต็อกที่มี มีตะกร้าสินค้าให้เห็น สามารถกดเพิ่มสินค้าเข้าตะกร้า และทำการสั่งซื้อบนเว็บไซต์ ชำระเงินผ่านระบบ Payment ต่างๆ ที่เว็บไซต์ทำการผูกไว้ แถมยังเห็นสถานะของสินค้าในปัจจุบันได้อีกด้วย

E-commerce Website เป็นอีกหนึ่งประเภทเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยม เพราะนอกจากจะให้ความสะดวกสบายต่อลูกค้าที่มาซื้อแล้ว ผู้ขายหรือธุรกิจ ก็สามารถใช้งานได้สะดวก จัดการสต็อกสินค้าได้ที่เดียว จบ ครบทุกอย่าง

3. Blog Website

เว็บไซต์ที่เน้นการนำเสนอบทความความ คอนเทนต์ เน้นเนื้อหาซะส่วนใหญ่ หรือแม้แต่เว็บไซต์ที่เป็นข่าวสาร จะถูกจัดอยู่ใน Blog Website ทั้งหมด โดยจะมีระบบ CMS ที่ช่วยจัดการเว็บไซต์เหล่านี้ให้เป็นระบบ และระบบหลังบ้านของ CMS ก็จะช่วยให้ผู้ที่ไม่รู้โค้ด ก็สามารถใช้งานเพื่อนำเสนอบทความต่างๆ บนเว็บไซต์ได้เช่นกัน

4. Portfolio Website

เว็บไซต์ที่สร้างเพื่อไว้สะสมและเผยแพร่ผลงานของเจ้าของเว็บไซต์ ซึ่งบางคนก็จะทำเป็น Portfolio Profile Website เพื่อไว้ใช้รับงาน หรือจะทำไว้ใช้เพื่อสมัครงาน โดยจะสามารถครีเอทและดีไซน์ออกมาให้สามารถโชว์ผลงานที่ตัวเองทำได้อย่างเต็มที่ ตามที่ใจต้องการ

5. Membership Website

เว็บไซต์ที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้งานสมัครสมาชิกก่อนที่จะเข้าใช้งานเว็บไซต์ได้ หรือมีระบบสมาชิกเพื่อดูคอนเทนต์ ดาวน์โหลดไฟล์ หรือแม้แต่พวกคอร์สเรียนออนไลน์ ก็จะมีระบบสมัครสมาชิกเช่นกัน โดยเว็บไซต์รูปแบบนี้ จะสามารถเก็บข้อมูลลูกค้า หรือทำ CRM ต่อยอดในอนาคตได้

6. Online Forum Website

เว็บไซต์ที่เปรียบเสมือน Community ออนไลน์ ที่ทุกคนสามารถเข้ามาพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิด มีปฏิสัมพันธ์กันบนเว็บไซต์ ยกตัวอย่างเช่น เว็บพันทิป ที่มีผู้ใช้งานบนเว็บไซต์มาตั้งกระทู้ ตามหมวดหมู่ต่างๆ และมีผู้ใช้งานคนอื่นๆ เข้ามาแสดงความคิดเห็นหรือแบ่งปันความคิดต่างๆ โดยสามารถพูดคุยโต้ตอบกันได้ภายในเว็บไซต์

7. Landing Page

คือหน้าเว็บไซต์ 1 หน้าที่ถูกสร้างมาเพื่อจุดประสงค์อะไรบางอย่าง เช่น เป็นหน้าสำหรับโปรโมชั่นสินค้าในช่วงเวลานั้น หน้าเพื่อแจ้งขาวสาร หรือแม้แต่รายละเอียดของสินค้าและบริการ ซึ่งจะถูกค้นพบจากการทำโฆษณา หรือการใส่ไว้จาก CTA ต่างๆ

8. Sale Page

หลายคนมีความสับสนระหว่าง Landing Page และ Sale Page ว่าแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งจุดแต่งต่างอยู่ที่ว่า Landing Page จะเป็นเพียงหน้าที่ให้ข้อมูล เป็นเพียงหน้าคอนเทนต์เฉยๆ แต่ Sale Page เป็นหน้า 1 หน้าที่สร้างมาเพื่อปิดการขายโดยเฉพาะ อาจจะเป็นหน้าที่สามารถซื้อขายได้ภายในหน้านั้นเลย แม้จะเป็นหน้า 1 หน้าเหมือนกัน แต่วัตถุประสงค์ในการใช้งานต่างกัน ส่วนใหญ่ Sale Page มักจะถูกใช้ในการปิดการขายซะส่วนใหญ่

หลายคนคงพอเข้าใจกันแล้วว่า เว็บไซต์มีกี่ประเภท และแต่ละประเภทมีความแตกต่างกันอย่างไร สามารถนำไปปรับใช้กับเว็บไซต์ธุรกิจของคุณให้ถูกต้องและเหมาะสม ตรงวัตถุประสงค์ในการใช้งาน และถ้าหากว่าใครอยากมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง Pixel Pine มีบริการรับทำเว็บไซต์ ตั้งแต่เริ่มต้นดีไซน์, เริ่มพัฒนาเว็บไซต์ รวมถึง Support หลังจากเว็บไซต์ออนไลน์ไปแล้ว รวมถึงมีบริการทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ หากใครสนใจ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติม หรือติดต่อเราได้ที่นี่เลย และติดตามเราผ่านช่องทาง Facebook ได้ที่นี่